วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ลือสนั่น!ทีทีเอ็มฯจ่อเด้งกุนซือ ดึงโจเซ่เสียบแทน

ภายหลังจากที่มีข่าวว่าทางสโมสร “สิงห์เหนือ” ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร จะทำการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือคนใหม่ โดยจะดึงตัว โจเซ่ อัลเวซ เบอร์วิส โค้ชฝีมือดีชาวบราซิลเลี่ยน ที่เคยฝากผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการพาทีม พนักงานยาสูบ อดีตชื่อทีมเก่าของทีทีเอ็มฯในปัจจุบัน คว้าแชมป์ไทยลีก ครั้งที่ 9 ได้แบบเหนือความคาดหมาย มาคุมทีมแทนเฮดโค้ชคนปัจจุบันอย่าง ประจักษ์ เวียงสงค์ ที่รับหน้าที่อยู่ในขณะนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประจักษ์ เวียงสงค์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีม “สิงห์เหนือ” ได้เผยว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลรายละเอียดหรืออะไรทั้งนั้น เพราะยังไม่มีการเรียกประชุมแต่อย่างใด และถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง ก็คงขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ของสโมสรว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวก็พร้อมยอมรับและน้อมรับในการตัดสินใจอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเวลานี้ หน้าที่ของตนก็คือนำลูกทีมฝึกซ้อมและทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ต่อไป”

ทั้งนี้ สำหรับผลงานของ โค้ชประจักษ์ คุมทีมลงสนาม 4 นัด ชนะ 2 แพ้ 2 มีอยู่ 6 คะแนน รั้งอันดับ 5 ของตารางคะแนน โดยเกมล่าสุด ออกไปเยือนแพ้ชลบุรีฯ 1-5

บอลไทย เมืองทองฯโยกฟาดแข้งศึกเอเอฟซี คัพ ที่ภูเก็ต


ศึกฟุตบอลเอเอฟซี คัพ กลุ่มจี ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทองฯยูไนเต็ด จ่าฝูงที่มีอยู่ 10 แต้ม พบกับ เซาท์ไชน่า (ฮ่องกง) มี 7 คะแนน จากเดิมที่มีโปรแกรมจะลงฟาดแข้งกันที่ สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ในวันที่ 20 เม.ย. เวลา 18:00 น. มีอันต้องย้ายสังเวียนการแข่งขันไปเล่นที่ จ. ภูเก็ต แทน เนื่องจากทางฝั่งทีมเยือนทำเรื่องขอย้ายสนามแข่งขันไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลแห่ง เอเชีย (เอเอฟซี) เพราะยังคงหวั่นเกรงถึงความไม่ปลอดภัยของสถานการณ์ที่กรุงเทพฯ ที่ยังดูไม่สงบอยู่ในเวลานี้

ซึ่งเรื่องดังกล่าว ก็ได้รับการยืนยันจากทาง “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้วว่าได้กำหนดจะย้ายสนามแข่งขันจากเดิม ที่ยามาฮ่า สเตเดี้ยม รังเหย้าของเมืองทองฯแถว ธันเดอร์โดม (เมืองทองธานี) ไปแข่งขันที่สนาม สุระกุล จ.ภูเก็ต ในวันที่ 20 เม.ย. เวลา 18:00 น. เรียบร้อยแล้ว

ด้าน “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไป เมืองทองฯก็ได้กล่าวถึงเรื่องการย้ายสนามแข่งขันว่า “ไม่มีปัญหาขัดข้องอะไรอยู่แล้ว เพราะเป็นมติของทางเอเอฟซี แม้ว่าก่อนหน้านั้นเราจะพยายามต่อสู้ที่จะให้ทีมเมืองทองฯลงเล่นที่สนาม เหย้ายามาฮ่า สเตเดี้ยมให้ได้ แต่ไม่เป็นไร ถึงจะย้ายไปเตะที่ภูเก็ต ทางเราก็จะลองติดต่อทำเรื่องถ่ายทอดสดกลับมาให้แฟนบอลชาวไทยได้รับชมกัน”

สำหรับผลงานของทั้งสองทีม “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงแข่ง 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 มีอยู่ 10 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ขณะที่เซาธ์ ไชน่า ของฮ่องกง เตะ 4 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 มี 7 คะแนน

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่าเรือเซ็น ยามาดะ อดีตกัปตัน เวอร์ดี้ จากเจ-ลีกร่วมทัพ


“สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย เอฟซี จัดการเสริมทัพด้วยการคว้านักเตะจอมเก๋าอย่าง ทาคูยะ ยามาดะ อดีตกัปตันเวอร์ดี้ คาวาซากิ มาเสริมทัพเป็นที่เรียบร้อย


นักเตะเจ้าของฉายา “มิสเตอร์ เวอร์ดี้” จากการตั้งให้ของแฟนบอล สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลาง และกองหลัง โดยปัจจุบันเจ้าตัวมีอายุ 35 ปี แต่ทว่า เมื่อซีซั่นที่แล้วก็ได้ลงเล่นให้กับซากัน โทซู ไปถึง 43 นัด
โดยแข้งเจ้าของนิกเนม “คนเหล็ก” เคยสวมปลอกแขนกัปตันทีม เวอร์ดี้ ในยุครุ่งเรืองถึง 3 ปี รวมถึงปีที่สามารถ คว้าแชมป์ เอ็มเพอเรอร์ คัพ 2004 ซึ่ง เวอร์ดี้ รอมาถึง 10 ปี ชนะเหนือ จูบิโล่ อิวาตะ 2-1
นอกจากนี้ เกียรติประวัติส่วนตัวนั้น ยามาดะ เคยติดทีม ออลสตาร์ 2003 ฝั่งตะวันออก ร่วมกับพาทริค เอ็มโบม่า แถมยังโหม่งทำประตูให้กับทีมได้อีกด้วยในเกมดังกล่าว

ส่วนในนามทีมชาติ ยามาดะ ลงเล่นในสีเสื้อ “ซามูไร” ไป 4 นัดในช่วงปี 2003-04 แต่เจ้าตัวก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะเลิศในศึก เอเชียนคัพ ปี 2004 ด้วย

อ้างอิง : thailandsusu

เปิดตัว บุรีรัมย์-กฟภ.ตั้งงบลุย50ล้าน อนาคตหวังดึง แลมพ์-เจที


การแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการของทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ เมื่อวันพุธที่ 3 ก.พ.53 ที่สนามไอโมบาย สเตเดี้ยม จ.บุรีรัมย์ สนามเหย้าของทีมที่จะใช้สู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งในงานนี้ทางทีมได้เหมาเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชียบินตรง จากกรุงเทพฯ ถึง บุรีรัมย์ ด้วยเที่ยวบิน FD 4820 มีผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่รวมแล้วกว่า 120 ชีวิต

การเปิดตัวได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 13.30 น. ซึ่งนำโดยนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ รวมถึงบรรดาสปอนเซอร์คือ ช้าง ไอโมบาย คิง เพาเวอร์ แอร์เอเชีย ฟิลลิปส์ เป็นเกียรติเปิดตัวทีมในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าแดดจะร้อนอบอ้าวแต่ก็มีแฟนคลับเข้ามาร่วมงานอยางเนืองแน่น เริ่มต้นพิธีด้วยการนำวงโยธวาทิตเข้าสู่สนามตามด้วยนักฟุตบอลของทีมออกมาแนะนำตัวต่อแฟนๆของทีม ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากแฟนๆรอบสนาม และตัวแทนของนักฟุตบอลก็ขึ้นมอบลูกฟุตบอลให้แก่บรรดาผู้สนับสนุนทีม

นาย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรได้กล่าวภายในงานแถลงข่าวว่า “วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล จ.บุรีรัมย์ ผมขอประกาศว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป จ.บุรีรัมย์จะเป็นพันธมิตรแบบถาวรกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่เดิมการไฟฟ้าฯ เคยคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกมาแล้วหนึ่งครั้งแต่จากนี้ไปผมในฐานะประธาน สโมสรรวมถึงทีมงานสตาฟฟ์โค้ชขอพาทีม บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์แบบนับไม่ถ้วนให้ได้”

ส่วนงบประมาณในการทำทีมนั้น นายเนวินกล่าวว่า “งบประมาณเฉพาะการทำทีมเบื้องต้น 50 ล้านบาทไม่เกี่ยวกับการสร้างสนามและที่พักรวมถึงสนามซ้อมแต่อย่างใด ในซีซั่นนี้เบื้องต้นหวังติดหนึ่งในสี่ทีมที่มีลุ้นแชมป์ให้ได้ อย่างไรก็ดีผมยังมั่นใจลึกๆว่าทีมจะสามารถเบียดลุ้นแชมป์ได้ เพราะทีมเราได้เปรียบทีมอื่นที่ความมีระเบียบรวมถึงความฟิต เบื้องต้นออกกฏไว้ว่าหลังแข่งเสร็จนักเตะสามารถกลับบ้านได้วันเดียวหลังจาก นั้นต้องกลับเข้าค่ายฝึกซ้อมทันที” นอกจากนี้ ยังได้ “เวิร์ลแก๊ส” เป็นผู้สนับสนุนอีกราย

“สำหรับ เกมเยือนนั้นถือว่าเราเป็นทีมแรกที่จะมีแคมป์เก็บตัวและสนามซ้อมเป็นของตน เอง โดยทางคิงเพาเวอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนได้ดำเนินการให้ รวมทั้งยังเป็นทีมแรกในไทยพรีเมียร์ลีกที่จะมีเครื่องบินส่วนตัวสำหรับเกมไป เยือนซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากแอร์เอเชีย ผมอยากฝากให้ทุกทีมหันมาพัฒนาทีมของตนเองอย่างเป็นจริงเป็นจังเหมือนทีมเรา เพื่อให้วงการฟุตบอลพัฒนา”

ขณะเดียวกัน ทีมปราสาทสายฟ้าได้เตรียมสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ซึ่งจะสร้างเสร็จ ภายในสามปีนับจากนี้ เวลานี้ได้ทำการถมที่ดินเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ดินนั้นเป็นของนายเนวินเอง ซึ่งสนามแห่งใหม่นี้จะไม่มีลู่วิ่งและมีความจุถึง 24,000 ที่นั่ง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 100 ล้านบาท และจะตั้งชื่อสนามว่า “ธันเดอร์ คาสเซิ่ล” ส่วนสนามไอโมบาย สเตเดี้ยม ที่ใช้เป็นรังเหย้าในซีซั่นนี้นายเนวินกล่าวว่า ทีมจะจ่ายค่าเช่าให้กับ กกท. บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามนัดละสามแสนบาท รวมถึงค่าผ่านประตูอีก 10 เปอร์เซนต์ อีกด้วย
นาย เนวิน ยังได้กล่าวถึงแฟนบอลที่อยู่ไกลด้วยว่า “สำหรับผู้ที่สมัครเป็นแฟนคลับของทีมจะได้รับสิทธิพิเศษในการเดินทางมา เชียร์ทีม บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยจ่ายเงินแค่ 2,500 บาท สามารถนั่งเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ มีรถรับส่งถภึงสนามรวมถึงอาหารกลางวัน ส่วนสินค้าที่ระลึกของทีมจะมีการนำขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องบินของสายการบิน แอร์เอเชีย “


ผมอยากฝากไปยัง บ.ไทยพรีเมียรืลีกในเรื่องของการแข่งขันลีกเยาวชน โดยแต่ละทีมก็นำเด็กเยาวชนที่เป็นเด็กไทยมาแข่งขันกันทุกสัปดาห์เพื่อให้พวก เขาเหล่านี้พัฒนาฝีเท้ามากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันนักเตะไทยโตไม่ทันใช้งานจึงมีแต่นักเตะชาวต่างชาติเต็มไปหมด หากลีกเยาวชนเกิดพวกเขาเหล่านี้ก็จะได้พัฒนาเพื่อก้าวมาเป็นนักเตะในทีมชุด ใหญ่หรืออาจเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทยในอนาคต” นายเนวินทิ้งท้าย
นอกจากนี้ บิ๊กบุรีรัมย์-กฟภ.ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดึงแข้งดังมาร่วมทีม ยืนยันในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่ตนจะทาบทาม แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือ จอห์น เทอร์รี่ มาร่วมทีม ในฐานะที่ตนเป็นแฟนตัวยงของทีม เชลซี

ส่วนกรณีของ กาเบรียล บาติสตูต้า อดีตกองหน้าชื่อดังทีมชาติ อาร์เจนติน่า นายเนวิน เผยว่าขั้นตอนต่างๆ อยู่ระหว่างการประสานงาน โดยที่ทาง “บาติโกล์” พร้อมรับข้อเสนอ เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาสโมสรให้ตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้

ประกาศเรื่องการเพิ่มทีมในไทยพรีเมียร์ลีก 2554

ตามที่มีข้อเสนอจากสโมสรสมาชิกใน “ไทยพรีเมียร์ลีก” และลีกดิวิชั่นต่างๆ ทั้งจากสื่อมวลชนและจากแฟนฟุตบอลไทยว่า บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด น่าจะพิจารณาเรื่องการเพิ่มจำนวนทีมที่จะเข้าร่วมในไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งนี้เพื่อขยายแวดวงของฟุตบอลให้กว้างขวางขึ้นและขยายระยะเวลาของการแข่งขันให้ยาวนานขึ้นเพื่อได้ประโยชน์ทั้งในแง่เชิงธุรกิจ ในแง่ความสนุกสนาน เร้าใจ และในแง่การส่งเสริมความแข็งแกร่งของนักฟุตบอลไทยที่จะต้องไปรับใช้ทีมชาติต่อไปนั้น

บริษัทฯ ได้นำเรื่องนี้ปรึกษาหารือกับสมาคมฟุตบอลฯ แล้วมีความเห็นพ้องต้องกันว่า เราควรเพิ่มทีมที่จะเข้าร่วมใน “ไทยพรีเมียร์ลีก” ขึ้นอีก 2 ทีม รวมเป็น 18 ทีม สำหรับฤดูกาล 2554 การปรับจำนวนทีมขึ้นไป 2 ทีมนั้นในหลักการจะจัดให้มีการเพลย์ออฟระหว่างทีมอันดับ 14, 15 และ 16 ของไทยพรีเมียร์ลีก ที่ตกชั้นลงไปกับทีมอันดับ 4, 5 และ 6 ของลีกดิวิชั่น 1 เพื่อหาทีม 2 ทีม ที่จะได้ขึ้นชั้นไปเล่นให้ครบ 18 ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก

ส่วนรายละเอียดของการเพลย์ออฟกำลังพิจารณาอยู่ และจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไปในไม่ช้านี้

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

โอสถฯงานเข้าไฟดับก่อนโซ้ย ฉลามชล 2-1


"พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม-150 เกือบงานเข้าหลังไฟฟ้าในสนามดับ 27 นาทีก่อนกลับมาเตะกันใหม่พร้อมกับหยุดสถิติที่ไม่เคยเอาชนะ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี มาได้ 4 ฤดูกาล 8 นัดติดลงได้ที่รังเหย้าแห่งใหม่ สนามอบจ.สระบุรี โดยเกมนี้ "โจ้ ห้าหลา" ศรายุทธ ชัยคำดี รับบทฮีโร่ทั้งยิงและเปิดให้ทีมเฉือนชัย 2-1 ทะลุผ่านสู่รอบห้า
โอสถสภา เอ็ม-150 2 - ชลบุรี เอฟซี 1
ศึกลูกหนัง "มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2009" รอบ 4 เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา มีดวลแข้งกัน 2 คู่จาก 2 สนาม โดยทีมตกรอบนี้จะได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท เกมคู่บิ๊กแมตช์ในศึกมูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2009 รอบ 4 ที่สนาม อบจ.สระบุรีซึ่งเป็นรังเหย้าแห่งใหม่ของทีม "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม150 ที่จะใช้สังเวียนแห่งนี้เป็นสนามเหย้าของพวกเขาต่อไปโดยคู่แข่งที่จับติ้วมาพบกันในรอบนี้คือ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซีรองจ่าฝูงในศึกไทยพรีเมียร์ลีกที่กำลังมีลุ้นแชมป์ถึง 3 รายการในซีซั่นนี้โดยผลงานในรอบที่ผ่านมาของทั้งสองทีมปรากฏว่าโอสถฯที่เล่นในถิ่นเดิมอย่างม.ธนารมย์ เอาชนะ สมาคมกีฬาบางกอกกล๊าส 3-1

ชลบุรี เอฟซี ก็เปิดบ้านอัดสมันน้อยอย่างแม็กนาเมืองพัทยา 4-1 และหากนัดนี้ทีมไหนสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ก็จะทำให้มีโอกาสลุ้นแชมป์สูงเลยทีเดียว "ขงเบ้งลูกหนัง" อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ กุนซือโอสถฯจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามไม่ว่าจะเป็น 2 ดาวเตะลูกหม้อประจำจ.สระบุรีอย่าง ศิวะเมต ธนูศร และ ปฎิพน เพชรวิเศษลงสนามเพื่อเป็นเหมือนการช่วยเรียกแฟนคลับชาวจ.สระบุรีให้เข้ามาชมเกมในสนามเพิ่มมากยิ่งขึ้นรวมถึงตัวอื่นๆอย่าง ศรายุทธ ชัยคำดี,ไพฑูรย์ เทียบมา และ คัพฟ้า บุญมาตุ่น

ส่วน ชลบุรี เอฟซี ของทางด้านเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่สลับผู้เล่นสำรองลงสนามนัดนี้หลายรายไม่ว่าจะเป็น ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น,ปิยพล บรรเทา,ชวลิต เขียวชอุ่ม ผสมกับตัวหลักอย่าง ชลทิต จันทคาม,เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ฯลฯท่ามกลางบรรยากาศกองเชียร์ที่แน่นขนัดโดยเฉพาะชาว จ.สระบุรีรวมถึงกลุ่มแฟนคลับขาประจำของทั้งสองทีมที่เข้ามาชมเกมนี้แบบเต็มอัตราความจุของสนามเลยก็ว่าได้

เริ่มเกมในครึ่งแรก น.5 เจ้าถิ่นโอสถสภาฯก็มีโอกาสได้ลุ้นก่อนเลยเมื่อคัพฟ้า บุญมาตุ่น ลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษระยะกว่า 30 หลาแต่ก็ยังไปตรงตัวสุจินต์ นาคนายม ที่ยังเซฟลูกนี้เอาไว้ได้ น.11 เป็นโอกาสของทีมเยือนชลบุรี เอฟซี ที่เน้นความแน่นอนในจังหวะเข้าทำธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น โยนลูกฟรีคิกจากด้านขวาบอลลอยมาถึงหัว สุทธินันท์ พุกหอม ที่ได้ขวิดเต็มศรีษะแต่ก็ยังแรงข้ามคานออกไปเกมของทั้งสองทีมดูจะยังไม่กล้าเปิดเกมรุกเข้าใส่กันมากเท่าไหร่นักซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นแพ็คบอลกันในแดนกลางมากกว่า

น.18 อีกครั้งที่พอจะได้เสียวในเกมนี้ของเจ้าถิ่นเมื่อ ศรายุทธ ชัยคำดีศูนย์หน้าโอสถสภาฯลากบอลจากครึ่งสนามก่อนตัดสินใจส่องไกลนอกกรอบอีกครั้งและยังคงได้แค่เกือบไปในจังหวะนี้น.33 เกมรุกของโอสถฯยังดูดีอย่างต่อเนื่องเมื่อ ไพฑูรย์ เทียบมาเปิดลูกเตะมุมด้านขวา บอลโค้งเข้ามายังจุดนัดพบและเป็น ปฏิพน เพชรวิเศษทกองหน้าร่ายยักษ์ที่กระโดดแปรบริเวณหน้ากรอบเขตโทษเสยข้ามคานออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

น.38 นานๆ จะโต้กลับได้สวยๆ สำหรับ ชลบุรี เอฟซี คราวนี้เป็น คนึง บุราณสุข ที่โดดพุ่งล้มในกรอบเขตโทษ ชวลิต สนั่นไหวผู้ตัดสินในเกมนี้ไม่รอช้าควักใบเหลืองให้ทันทีเกมในครึ่งแรกทำท่าว่าทั้งคู่จะเสมอกันแต่แล้วในช่วงท้ายครึ่งแรก

น.44 โอสถฯมาได้ประตูที่ต้องการออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ ปทุม ชูทอง แนวรับสาดขึ้นมาจากหลังให้ ปฎิพน เพชรวิเศษ ที่ขึ้นโขกเช็ดต่อมาถึง ศรายุทธ ชัยคำดี ตัดสินใจจักรยานอากาศบอลพุ่งย้อยเสียบเสาสองเข้าไปชนิดที่ สุจินต์ นาคนายม หมดสิทธิ์ป้องกันและทำให้เกมในครึ่งแรกโอสถสภา เอ็ม-150 ออกนำ ชลบุรี เอฟซี ไปได้ก่อน 1-0

ครึ่งหลัง "ซิโก้"จำเป็นต้องส่ง 2 ตัวทีเด็ดอย่าง อาทิตย์ สุนทรพิธและ ไมเคิ่ล เบิร์น ลงสนามเพื่อหวังจะช่วยตามตีเสมอให้ชลบุรีเอฟซีกลับมาสู่เกมให้ได้เร็วที่สุดแต่กลับต้องมาโดนลูกโต้กลับเร็วของเจ้าถิ่นเล่นงานใน น.58 เมื่อศรายุทธ ชัยคำดี ได้บอลหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังด้านซ้ายก่อนหักมาเปิดเข้ากลางด้วยขวามาที่หน้าปากประตู คัพฟ้า บุญมาตุ่น ที่เติมขึ้นมาก้มหัวลงโหม่งบอลที่มาต่ำกว่าศรีษะแสกหน้า สุจนต์ นาคนายม เข้าไปตุงตาข่ายให้แฟนคลับโอสถฯรวมถึงชาว จ.สระบุรี ได้เฮกันลั่นสนามให้เจ้าถิ่นนำห่างเป็น 2-0

เกมการแข่งขันดำเนินมาถึง น.67 ไฟสนามดับลงชนิดที่ว่าไม่สามารถแข่งขันกันต่อได้แถมสนามดังกล่าวฃยังไม่มีไฟสำรองเตรียมเอาไว้ทางฝ่ายจัดจึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าประจำ อบจ.สระบุรี เดินทางมาแก้ไขจนทั้งสองทีมสามารถลงไปแข่งขันต่อได้ซึ่งไฟสนามที่ดับในครั้งนี้ก็กินเวลาไปกว่า 20 นาทีเลยทีเดียวกลับมาเล่นต่อได้เพียงไม่เท่าไหร่ ใน น.71 ชลบุรี เอฟซี สามารถทำประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 การจากครอสบอลที่ริมเส้นฝั่งขวาบอลโค้งหนีกองหลังเจ้าถิ่นมาเข้าหัว ยีนมาร์ค เบนนี่ ที่ขวิดสวนตัว กิตติศักดิ์ ระวังป่า นายด่านเจ้าถิ่นเข้าไปสร้างความหวังให้กับทีมเยือนในการที่จะกลับมาสู่เกมให้ได้อีกครั้ง

น.83 โอกาสทองช่วงท้ายเกมของชลบุรี เอฟซี ที่ควรจะเป็นประตูมากที่สุด เมื่อ ไมเคิ่ล เบิร์น อาศัยลูกถนัดด้วยการบรรจงโยนจากริมเส้นฝั่งขวาบอลลอยโค้งสวยมาที่จุดนัดพบ ยีนมาร์ค เบนนี่ คนเดิมที่ได้โขกเต็มกบาลแต่ยังดีที่ปฎิกิริยาของนายด่านจอมเก๋าของเจ้าถิ่นยังเร็วบินปัดออกหลังไปได้และก็เป็นโอกาสหวาดเสียวครั้งสุดท้ายที่ชลบุรี เอฟซีทำได้จบเกมโอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรีก็เฉือนเอาชนะชลบุรี เอฟซี ไปได้อย่างสุดมันส์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป ซึ่งก็จะทำการจับฉลากกันในวันศุกร์ที่ 25 ก.ย.52 ที่สมาคมฟุตบอลฯ ต่อไป

วาทะโค้ช "โค้ชโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ชลบุรี เอฟซี) -เกมนี้ลูกทีมได้ดีที่สุดแล้วซึ่งผมเองก็จำเป็นต้องสลับผู้เล่นสำรองบางรายลงสนามเพราะเรามีโปรแกรมที่ค่อนข้างจะชุกในช่วงที่เหลือทั้งในเกมลีกและถ้วยเอเชียรวมถึงคู่แข่งในเกมนี้อย่างโอสถฯเล่นกันได้ดีจริงๆผมก็ขออวยพรให้โอสถฯประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์รายการนี้ก็แล้วกันครับ

"ขงเบ้งลูกหนัง" อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ (โอสถสภา เอ็ม150) -อย่างแรกคงต้องบอกเลยว่าบรรยากาศที่จ.สระบุรีนี้สุดยอดจริงๆและผมก็เชื่อด้วยว่าคงเป็นส่วนสำคัญที่คอยช่วยกระตุ้นลูกทีมให้สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้และแน่นอนว่าพวกเรามาถึงขนาดนี้แล้วคงต้องแอบหวังถึงแชมป์กันบ้างได้แล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ :ศรายุทธ ชัยคำดี

แรบบิทซัลโว6เม็ดอัดส.กรุงเก่าฉลุยเอฟเอ


"เดอะ กล๊าส แรบบิท" บางกอกกล๊าส เอฟซี สุดเจ๋งบุกรังสมาคมกีฬากรุงเก่า ทีมระดับถ้วย ข ก่อนปูพรมไล่ถล่มแหลก 6-0 ตบเท้าเข้าเล่นรอบห้าอีกทีม โดยจะมีการจับสลากประกบคู่ ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ย. นี้ ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ

สมาคมกีฬากรุงเก่า 0 - บางกอกกล๊าส 6

การแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิไทยคมเอฟ เอ คัพ รอบ 4 ที่สนามกีฬากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าบ้าน "จอมเซอร์ไพส์" สมาคมกีฬากรุงเก่า ตัวแทนจากถ้วย ข ที่ผ่านรอบสามมาด้วยการบุกไปชนะ รัตนบัณฑิต ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 หลังเสมอในเวลาปกติ 1-1 เปิดสนามพบกับ "แรบบิท" บางกอกกล๊าส ทีมจาก ไทยลีก ที่ชนะ เมืองทองฯ ทีมจากไทยลีกด้วยกัน 1-0 ในรอบสาม


เกมนี้เจ้าถิ่นไม่มี เลิศชาย อิสราสุวิภากร ดาวเตะตัวเก่งที่ติดภารกิจกับทีมฟุตซอลชาติไทย แต่ยังมี โจ้ เนื่องเกิด, อนันต์ ปานทอง, พงษ์ศักดิ์ คงแก้ว เป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง ขณะที่ "แรบบิท"ส่งตัวจริงและสำรองสลับกันลงสนามหลายคน นำโดย อนาวิน จูจีน, รุ่งโรจน์ สว่างศรี, ธนัตถ์ วงศ์ศุภลักษณ์,โคเน่ คาสซิม, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ท่ามกลางแฟนบอลของทั้งสองทีมที่แห่เข้ามาชมกันอย่างหนาตา โดยเกมนี้ สุวรรณลภ ภูวบัณฑิตสิน นายกสมาคมกีฬากรุงเก่า อัดฉีดให้นักเตะ กรุงเก่า ก่อนแข่งเป็นขวัญถุง 30,000 บาท


เปิดฉากมาแค่ 2 นาที เจ้าถิ่นมีลุ้นได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็ว เมื่อสองนักเตะจอมเก๋าอย่าง พงษ์ศักดิ์ คงแก้ว จ่ายทะลุช่องให้ อนันต์ ปานทอง หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษด้านซ้ายคนเดียวโล่งๆ แต่กลับซัดเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย ชวดได้ประตูขึ้นนำสุดๆ


หลังจากนั้นเป็น ส.กรุงเก่า ที่ดูคึกคักกว่า เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่ บางกอกกล๊าสฯ แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีเครื่องหมายไทยลีก แต่ น.10 ก็เกือบโดนทีมเยือนเล่นงานเหมือนกัน เมื่อ ศุภชัย คมศิลป์ เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งขวาโค้งเข้าหาประตู และเป็น โคเน่ คาสซิม ที่ได้โขกเหน่งๆ ระยะแค่ 5 หลากลางประตู ทว่ากลับโหม่งออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ


น.18 เจ้าถิ่นดูหมดแรงไปซะดื้อๆ ทำให้ อนาวิน จูจีน ปีกตัวจี๊ดของ “แรบบิท” ที่จังหวะนี้โยกตัวเองไปอยู่ทางด้านซ้าย ก่อนพาบอลตัดเข้ามาตรงกลางแล้วทำชิ่งกับ โคเน่ คาสซิม จังหวะเดียว ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย และ อนาวิน จัดการซัดด้วยอีซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแสกหน้า บัญชา นุนารถ นายทวารเจ้าถิ่นตาข่ายแทบขาด ให้ บางกอกกล๊าสฯ นำ ส.กรุงเก่า 1-0 ท่ามกลางเสียงเฮจากแฟนบอลทีมเยือนที่ขนมากันเต็มคันรถ


หลังจากนั้น ส.กรุงเก่า ยังคงเล่นเกมบุกต่อไป และ น.31 ก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกของ อนันต์ ปานทอง บนเส้นกรอบเชตโทษกลางประตูพอดี แต่ดาวเตะจอมเก๋ารายนี้กลับปั่นไซส์โป้งด้วยเท้าขวาข้ามคานออกไปนิดเดียว เจ้าถิ่นยังคงคุมเกมได้ดีกว่า แม้จะเป็นฝ่ายโดนนำอยู่ก็ตาม แต่ทีมเยือนก็อาศัยการโต้กลับที่เฉียบคมและการชิ่งบอลจังหวะเดียวตามสไตล์ลุ้นประตูที่สอง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดความแน่นอน


ก่อนหมดเวลา 2 นาที บางกอกล๊าสฯ ก็มาได้ประตูนำห่าง เมื่อ ศุภชัย คมศิลป์ ได้โอกาสยิงฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งขวาด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งเข้าเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปอย่างสวยงาม หมดปัญญาที่ บัญชา นุนารถ นายทวาร ส.กรุงเก่า จะพุ่งเซฟไว้ทัน ให้"แรบบิท"นำ 2-0 และหมดครึ่งแรกที่สกอร์นี้


ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น และเริ่มมา 5 นาที เหมือนหนังคนละม้วน เมื่อ บางกอกกล๊าสฯ เป็นฝ่ายดาหน้าบุกชนิดไม่ให้เจ้าถิ่นตั้งตัว และมีโอกาสลุ้นทำประตูหลายครั้ง แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ
ก่อนที่ น.56 ทีมเยือนจะมาได้ประตูนำโด่ง เมื่อคู่เซ็นเตอร์ของ ส.กรุงเก่า ยืนห่างกันเกินไป นันทวัฒน์ แทนโสภา เลยลงโทษด้วยการจ่ายทะลุช่องกลางให้ โคเน่ คาสซิม จับบอลก่อนจะซัดด้วยเท้าขวาแค่ 8 หลา บอลสวนตัว บัญชา นุนารถ เข้าประตูไปง่ายๆ ให้ บางกอกกล๊าสฯ นำห่าง 3-0


หลังจากนั้นทีมเยือนเริ่มทยอยเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามเพื่อสัมผัสบรรยากาศ ทำให้เกมรุกดูเพลาๆ ลงไป เปิดโอกาสให้ ส.กรุงเก่า ได้สร้างสรรค์เกมบุกขึ้นมาลุ้นประตูบ้างและ น.70 กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบได้เฮบ้าง เมื่อ อนันต์ ปานทอง กัปตันจอมเก๋า ได้โอกาสตั้งป้อมซัดเต็มข้อประมาณ 25 หลา บอลพุ่งอย่างแรงก่อนไปชนเสาอย่างจัง พลาดโอกาสตีไข่แตกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถัดมาอีกเพียง 3 นาที บางกอกกล๊าสฯ มาได้ประตูนำห่าง 4-0 เมื่อ วรรณพล ปุษปาคม ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงไป ตั้งป้อมซัดไกลประมาณ 25 หลากลางประตู บอลพุ่งตกพื้นหนึ่งจังหวะก่อนเข้าประตูไปอย่างสมบูรณ์แบบ


ก่อนที่ น.75 สถานการณ์ของเจ้าถิ่นย่ำแย่หนักเข้าไปอีก เมื่อ วัชรพงษ์ วิเชียรสาร แบ็กขวาตัวสำรองที่เปลี่ยนลงไป พุ่งเสียบ นันทวัฒน์ แทนโสภา ขณะที่กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ทำให้ สุระ ศรีอาจ ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในเกมนี้ไม่มีทางเลือกที่จะเป่าให้จุดโทษแก่ทีมเยือน และแจกใบแดงไล่ วัชรพงษ์ ออกจากสนามไป ก่อนที่ นันทวัฒน์ จะลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารลูกนี้เข้าซ้ายมือ บัญชา นุนารถ เข้าประตูไป ให้ บางกอกกล๊าสฯ นำห่าง 5-0


จากนั้นเจ้าถิ่นดูเสียกำลังใจ และ น.83 นันทวัฒน์ แทนโสภา กระชากบอลทะลุแหวกคู่เซ็นเตอร์ของ ส.กรุงเก่า ก่อนจะหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษถึงสามคน ก่อนจะจ่ายออกทางขวาไปให้ พลวัฒน์ วังฆะฮาด แบ็กขวาตัวเก่งที่เติมขึ้นมา จับบอลหนึ่งจังหวะและซัดเต็มข้อไม่เหลือซาก ให้ “แรบบิท” นำครึ่งโหล 6-0


ท้ายเกมพระพิรุณธ์เริ่มโปรยปรายลงมา ทำให้แข้ง บีจี ดูจะเน้นความชัวร์เป็นหลัก ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดยาวหมดเวลา ส.กรุงเก่า เปิดบ้านพ่ายให้กับ บางกอกกล๊าสฯ เละเทะ 0-6 ส่งผลให้ "แรบบิท" ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ต่อไป ส่วน ส.กรุงเก่า เกมนี้ถือว่าชนะใจแฟนบอลเต็มๆ


คะแนนความสามารถของนักเตะทั้งสองทีม


สมาคมกีฬากรุงเก่า : บัญชา นุนารถ 4.5, รัฐวุฒิ สุพัฒน์ธนกูล 5, วิเลศ เกลี้ยงแก้ว 5 (ปิยะพันธ์ วรรณนิยม -), สมชาย กลิ่นบัว 5, สุวิทย์ แจ้งธรรมมา 5 (วัชรพงษ์ วิเชียรสาร 4), ศักดา น้อยเมืองเปลือย 5 (วรชัย นาสูงเนิน -),สุรศักดิ์ อาจเอี่ยม 5, โจ้ เนื่องเกิด 5, พงษ์ศักดิ์ คงแก้ว 5.5, เชาวลิต นิลกรณ์ 5, อนันต์ ปานทอง 5


บางกอกล๊าสฯ : นราธิป พันธ์พร้อม 6, พลวัฒน์ วังฆะฮาด 7, ศุภชัย คมศิลป์ 7, ไกรเกียรติ เบียดตะคุ 6.5, รุ่งโรจน์ สว่างศรี 6.5, อนนท์ บุญสุโข 6 (วชิระ แสงศรี 6), โคเน่ คาสซิม 7 (มิเชล 6), อนาวิน จูจีน 7, ธนัตถ์ วงศ์ศุภลักษณ์ 5.5 (วรรณพล ปุษปาคม 6), พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ 6, นันทวัฒน์ แทนโสภา 8


หลังเกม พ.ต.ท.ดร.วีระพล วงษ์สาตรสาย : วันนี้เด็กเราไม่ได้เป็นรองเลย ซึ่งมีโอกาสจะยิงขึ้นนำไปก่อนด้วย แต่ด้วยความที่เราไม่ได้รวมทีมกันเลย ทำให้ขาดความเฉียบคมไป ซึ่งการขาด เลิศชาย ถือว่ามีผลในเกมรุกของเรามาก แต่ยอมรับว่าวันนี้ บางกอกกลาสฯ เป็นทีมที่ดีกว่าจริงๆ ด้าน สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ : แรกๆ มันดูขัดไปนิดนึง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ทีมใหญ่เจอทีมเล็ก คือดูเหมือนจะง่ายแต่เราทำให้มันยากไปเอง ซึ่งรอบต่อไปอยากจะขอเจอทีมใหญ่ไปเลย


สำหรับการแข่งขันฟุตบอล”มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ 2009” รอบห้า หรือรอบ 8 ทีม จะมีการจับสลากประกบคู่ในวันศุกร์ ที่ 25 ก.ย.นี้ ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอล ฯ เวลา 14.00 น.